สารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังในไวน์ คือ เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ นอกจากนั้น ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันชนิดไม่ดี (LDL Cholesterol) และป้องกันการเกิดมะเร็ง
ควรดื่มไวน์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
ไวน์แดง VS ไวน์ขาว ดีต่อสุขภาพจริงหรือ การดื่มไวน์แม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง แต่หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะถึงจะเกิดประโยชน์ และปริมาณที่แนะนําคือ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 250 – 300 มิลลิลิตร ผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 125 – 150 มิลลิลิตร โดยปริมาณบริโภคต่อแก้วนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ ยิ่งแอลกอฮอล์สูง ปริมาณการดื่มก็ควรจะลดลง 1 drink (หน่วยดื่มมาตรฐาน) ของการดื่มไวน์ คือ ประมาณ 5 oz หรือ 150 cc ของไวน์ 1 แก้ว (12% alcohol) โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้ดื่มเกินวันละ 1 drink ถ้าผู้ชายดื่มเกิน 3 drink หรือผู้หญิงดื่มเกิน 1.5 drink ต่อวันมีโอกาสเป็นโรคตับแข็งได้
ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
สมาคมโรคหัวใจในประเทศอังกฤษระบุว่า การดื่มไวน์ในปริมาณที่พอเหมาะนั้นดีต่อสุขภาพ จากการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์วันละ 1-2 แก้ว ช่วยป้องกันอาการหัวใจวายได้ แต่ในทางตรงข้ามการดื่มไวน์ในปริมาณมากๆ กลับเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือดได้
ลดและป้องกันการเกิดมะเร็ง
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งซึ่งพบได้ในองุ่น ราสเบอร์รี ถั่วลิสง และพืชอื่นๆ มีหลักฐานพบว่า เรสเวราทรอลนั้นสามารถช่วยลดอนุมูลอิสระและลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง รวมทั้งลดการเจริญเติบโตของมะเร็งในถาดเพาะเชื้อได้ อีกทั้งยังช่วยลดสารเอ็นเอฟ แคปปา บี (NF Kappa B) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นอีกด้วย จึงสรุปได้ว่าการดื่มไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมสามารถต้านโรคมะเร็งได้
ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
สถาบันการแพทย์ Erasmus Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์ เผยแพร่งานวิจัยภายใต้หัวข้อ Alcohol Consumption and the Risk of Dementia : The Rotterdam Study พบว่าการดื่มไวน์ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และพาร์คินสันได้ จากงานวิจัยร่วมของสถาบันวิทยาศาสตร์โภชนาการและอาหารในสเปน อังกฤษ และสหรัฐฯ พบว่าการดื่มไวน์วันละ 1 แก้ว ร่างกายจะได้รับสารเรสเวอราทรอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ประสาทไม่ให้เสื่อมหรือถูกทำลาย ลดความเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ได้
ช่วยป้องกันไข้หวัด
ส่วนประกอบที่มีอยู่ในไวน์ช่วยป้องกันอาการของไข้หวัดได้ จากผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย 5 แห่งในยุโรปที่ทำการทดลองในอาสาสมัครกว่า 4,000 คน ในระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ที่ดื่มไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงประมาณ 2 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเป็นไข้หวัดได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มไวน์ถึงร้อยละ 44 เพียงดื่มไวน์ 1 แก้วต่อวันก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคหวัดได้แล้ว อีกทั้งการวิจัยของศูนย์โรคหวัดแห่งมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff University) ประเทศเวลส์ มีรายงานว่า คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในไวน์อาจสามารถป้องกันการเกิดโรคหวัดได้
ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
ประโยชน์ของไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงที่มีแทนนิน (Tannin) หรือความฝาด มีสารบางชนิดที่ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ซึ่งคอเลสเตอรอลเมื่ออยู่ในเส้นเลือดนานๆ จะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่สะดวก โดยเฉพาะกับคนที่มีน้ำหนักมาก
ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุและโรคเกี่ยวกับเหงือก
จากรายงานของวารสาร American Journal of Agriculture and Food Industry ได้กล่าวว่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปาเวีย ประเทศอิตาลี เปิดเผยผลของการดื่มไวน์แดง&ไวน์ขาววันละ 1 แก้วเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดฟันผุ และโรคเกี่ยวกับเหงือกได้ เพราะไวน์มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ ส่วนผสมของไวน์ยังช่วยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียชื่อ Streptococcus Pyogenes ที่อาศัยอยู่ในช่องทางเดินหายใจที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บคอและมีอาการเป็นไข้ได้อีกด้วย
ช่วยในการย่อย
อาหารประเภททอด และอาหารแปรรูปจะมีสาร Malonaldehydes ซึ่งสารเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อระบบทางเดินอาหารให้แก่ร่างกาย มีการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงกับอาหารดังกล่าวจะช่วยลบล้างสารเหล่านี้ได้ถึงร้อยละ 60-70 ดังนั้น ไวน์จึงมีความสามารถในการช่วยการทำลายสารเหล่านี้และมีประโยชน์ในการย่อยอาหาร
ช่วยชะลอความสูงวัย
นักวิจัยจากประเทศสเปนแนะนำว่าการดื่มไวน์อาจช่วยชลอความสูงวัย หรือความแก่ หลังจากพบสารเมลาโทนินในผิวขององุ่น รวมทั้งอาหารอีกหลายชนิด เช่น ข้าว หอมหัวใหญ่ และลูกเชอร์รี่ เป็นต้น การดื่มไวน์สามารถป้องกันเซลล์จากการถถูกทำลายตามอายุไขที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
ช่วยลดริ้วรอย
ไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยชะลอความชราและความสูงวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีคำแนะนำว่าหากอยากลดริ้วรอย ควรเริ่มดื่มไวน์งตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไป
ช่วยลดและคลายความเครียด
ไวน์ช่วยบรรเทาความเครียดได้ ในไวน์มีสารบางตัวที่ออกฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทอ่อนๆ ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียดหรือคลายกังวล รวมทั้งช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบาย และยาวนานขึ้น
ควรควบคุมปริมาณการดื่มในแต่ละครั้งให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เกิน 1-2 drink จะลดโอกาสการเกิดโรคและภาวะอันตรายต่อร่างกายได้ อีกทั้งทำให้มีสติรู้ตัว สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ หากจำเป็นต้องดื่มมากกว่านั้น ไม่ควรดื่มบ่อย และหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.enrich-winecooler.com
ซอมเมอลิเยร์ เปลี่ยนการดื่มไวน์ให้เป็นอาชีพ
มื้ออาหารแต่ละมื้อ คงจะใก
สิ่งที่คุณทำให้ไวน์หมดอร่อยโดยไม่รู้ตัว
อุณหภูมิห้องของคนในไอซ์แล