ยีสต์น้ำ (Liquid Yeast) และ ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) มี ข้อแตกต่าง กันยังไง? จะเลือกใช้ ยีสต์ แบบไหนดี จริงๆ แล้ว ทั้ง ยีสต์น้ำ (Liquid Yeast) และ ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) นี้มีทั้งข้อดีกับข้อเสีย
ยีสต์น้ำ (Liquid Yeast)
ข้อดี
ยีสต์น้ำ (Liquid Yeast)มีให้เลือกหลายหลาย มากถึง ร้อย ชนิดเลย เหมาะสำหรับการทำเบียร์แบบเฉพาะเจาะจง โดยมี ยีสต์ เป็นตัวแปรหลักในเรื่องรสชาติ เช่น ถ้าต้องการจะทำจะเบียร์ที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงมากๆ อย่างกลุ่ม Belgium Beer ซึ่งยีสต์จะเป็นนตัวหลักที่จะทำให้รสชาติเบียร์ออกมาในแบบเฉพาะนั้น โดย Yeast ดังกล่าวจะหาไม่ได้จากยีสต์แห้ง (Dry Yeast)
ข้อเสีย
- ยีสต์น้ำ (Liquid Yeast)ราคาแพงกว่า ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) ถึง 2 -3 เท่า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าหมักเบียร์สูงขึ้น
- จำนวน เซลล์ของ ยีสต์น้ำ ซึ่งจะมีน้อยกว่าปรกติ ถึงแม้ว่าจะเเขียนลงบนฉลากว่า มีอย่างเพียงพอ แต่ด้วยว่าระหว่างการขนส่ง หรือแม้แต่การเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เซลล์ของยีสต์ ที่มีอยู่ลดลง ซึ่งทำให้ต้องมีอีกขั้นตอนหนึ่งเรียกว่า การทำ Yeast Stater
ยีสต์แห้ง (Dry Yeast)
ข้อดี
- ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) ราคาถูกกว่า
- มีจำนวนเซลล์ของ ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) เยอะกว่า แต่ต้องเก็บรักษาในอุนหภูมิที่เย็น
- ไม่ต้องมีการทำ Yeast Stater (แต่แนะนำว่าต้อง Re-hydrate ยีสต์ ก่อนนะ)
- เวลาหมักจะให้ Clean Finishing โดยทำงานแค่หน้าที่ของมันกินน้ำตาล สร้างแอลกอฮอล์
ข้อเสีย
ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) มีชนิดให้เลือกน้อย เนื่องจาก กระบวนการในการทำ Dry Yeast โดยจะต้องดึงน้ำ และความชื้นต่างๆออกไป ทำให้ ยีสต์ บางตัวไม่สามารถสกัดออกมาได้ (เลยต้องใช้แบบน้ำแทน) แต่การหมักประเภท Pale Ale , IPA หรือ Amber Ale ก็สามารถใช้ ยีสต์แห้ง (Dry Yeast) ได้โดยไม่ได้กระทบอะไร เช่น Safale US-05 , Safale S-04
ข้อมูลอ้างอิงจาก
4 เหตุผลที่ไวน์บนเครื่องบินมีรสชาติแย่ลง
อากาศบนเครื่องบินนั้นแห้ง