ประเภทของเบียร์ยอดนิยมมี 2 ประเภท ได้แก่

  • Bottom-Fermenting Yeast หรือยีสต์ประเภทหมักนอนก้น ทำงานที่ด้านล่างของน้ำเบียร์ในขั้นตอนการหมักบ่ม เราจะเรียกเบียร์ที่ได้จากการยีสต์ชนิดนี้ว่า Lager

  • Top-Fermenting Yeast หรือ ยีสต์ประเภทหมักลอยผิว ทำงานที่ผิวหน้าของน้ำเบียร์ในขั้นตอนการหมักบ่ม เราจะเรียกเบียร์ที่ได้จากการยีสต์ชนิดนี้ว่า Ale

     

“เบียร์ Ale vs. เบียร์ Lager ?”

  • Ale มีประเภทหลากหลายมากกว่า Lager Yeast Top ferment ยีสต์ทำงานที่ด้านบนของน้ำเบียร์ ใช้เวลาหมักประมาณ 3 – 4 อาทิตย์ หมักในอุณหภูมิที่สูงกว่า Lager ส่วนใหญ่มีสีเข้ม รสชาติหลากหลายกว่า Lager 
  •  Lager ส่วนใหญ่มีรสชาติไม่ซับซ้อน เน้นเความสดชื่น ดื่มง่าย Bottom ferment คือยีสต์ที่ทำงานด้านล่างของน้ำเบียร์ ใช้เวลาหมักประมาณ 2 – 3 เดือน หมักในอุณหภูมิต่ำ ส่วนใหญ่มีสีอ่อนและใส

1. Ale Beer (เบียร์เอล)

  • Ale Beer (เบียร์เอล) เป็นเบียร์ที่ใช้การหมักแบบยีสต์ลอยที่ผิวน้ำ หรือ Top-Fermenting Yeast ยีสต์มันจะทำงานที่ด้านบนของเบียร์ หรือพูดให้เห็นภาพง่าย ๆ มันจะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเมื่อหมักเสร็จแล้วนั่นแหละครับ โดยการทำเบียร์เอลจะใช้อุณหภูมิ 18- 24 องศาเซลเซียส และใช้เวลาในการหมักเบียร์ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์เท่านั้น
  • ความแตกต่างอีกอย่างก็คือ เรื่องรสชาติและรสสัมผัสนั่นเอง

เบียร์เอลก็จะมีรสแรงกว่าเบียร์ลาเกอร์ จะออกไปทางขมแต่หวานหน่อย ๆ แต่มีปริมาณแอลกอฮอลล์ที่สูงของเบียร์จะออกขุ่นๆ ระดับสีมีตั้งแต่สีทองสว่าง ไปจนถึงสีน้ำตาลโทนเข้ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีเข้ม รสชาติหลากหลายแต่เวลาดื่มจะรู้สึกถึงความไม่ธรรมดาและรสชาติซับซ้อนในส้มผัส ซึ่งทั้งหมดนี้จะด่างกันไปตามเมล็ดข้าวที่นำมาหมักครับ 

 

ซึ่งเบียร์เอลก็จะแยกประเภทเล็ก ๆ ได้อีกขอยกตัวอย่างสักสองแล้วกัน

  • Wheat Beer (วีทเบียร์)

หลายคนอาจจะเรียกว่า White beer ก็ได้ครับ มีส่วนประกอบของข้าวสาลี เอกลักษณ์ของเบียร์ที่ทำมาจากข้าวสาลีจึงมีความหวาน ขุ่น ขมุกขมัว รสนุ่มนวล จะออกสีทองสว่าง รสส้มผัสที่สดชื่น

  • Pale Ale (เพลเอล)

ส่วนประกอบหลักของเบียร์เพลเอลคือข้าวบาเลย์ และให้สสัมผัสของ Malt และ Hops ทำให้มีรสชาติหนัก ซับซ้อน ขมนิดหน่อยและกลิ่นแรง คนอเมริกันจะชอบมาก

 

ตัวอย่างเบียร์เอล ก็จะมี

– Hoegaarden

– Weihenstephan

– Leffe

– Golden ale

 

2. Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์)

  • Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) เป็นเบียร์ที่ผ่านการหมักแบบสต์จมอยู่ที่กันภาชนะ เมื่อหมักเสร็จเรียบร้อย ยีสต์จะจมอยู่ที่ด้านล่างของเบียร์ หรือที่เรียกว่า Bottom-Fermenting Yeast ครับ โดยจะใช้อุณหภูมิในการหมักอยู่ที่ 7-12 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำ และถ้าจะดื่มก็ต้องรอนานกันหน่อยนะ เพราะเบียร์ลาเกอร์จะใช้เวลาหมักนานถึง 2 – 3 เดือนเลยทีเดียวเบียร์ที่แช่อยู่ในตู้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือเบียร์ที่มีเสิร์ฟตาม ร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะเบียร์ลาเกอร์ทั้งนั้น
  • ถ้าถามถึงรสชาติจะมีความซ่าส์ สดชื่น สสัมผัสดูนุ่มนวลและไม่ซับซ้อน สีของเบียร์ลาเกอร์จะออกไปทางสีใส ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีอ่อน ที่สำคัญคือเบียร์ลากอร์สามารถเก็บไว้ได้นาน และมีราคาที่ถูก

เบียร์ลาเกอร์ ยังสามารถแยกประเภทย่อย ๆ ออกมาได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

 

Pale Lager (เพลลาเกอร์)

  • เบียร์ที่ถูกคอนักดื่มทั่วโลกและมีการผลิตมากที่สุดคือเบียร์ Pale Lagers มีรสชาติกลาง ๆ แต่ดื่มแล้วสดชื่น ภายนอกจะดูป็นเบียร์สีสว่างออกซีด และมีแอลกอฮฮล์สูง

Bock (บ็อค)

  • เบียร์ที่มีแอลกอฮอล์มากที่สุดในบรรดา Lager คือเจ้านี่ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือสีที่ข้มและรสชาติที่เข้มกว่าเบียร์ลาเกอร์แบบอื่นๆ ตัวอย่างเบียร์ลาเกอร์
  • SINGHA เบียร์สิงห์
  • LEO เบียร์ลีโอ Chang 
  • เบียร์ช้าง 
  • Heineken Budweiser
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เบียร์มีกีประเภท? คอเบียร์ตัวจริงต้องรู้! – beervadsadu

 

https://www.wongnai.com/food-tips/things-you-should-know-about-beer

 

Beer Guide for Beginners คู่มือ ประเภทเบียร์ เบื้องต้นของนักดื่ม

ร้านคาซามิโอ่

Casa Mio Music & Wine Bar มีเบียร์ Hoegaarden Original & Rosé แบบสด และไวน์เลิศรส พร้อมกับอาหารอร่อย 

ข้อมูลเพิ่มเติม และจองโต๊ะ 

เชียงราย 0956809494 

พะเยา 0970985917