มาตรฐานทองคำของเบียร์ลาเกอร์ยุโรป Stella Artois (สเตลล่า อาทัวส์) เป็นเบียร์เบลเยียมที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ซึ่งเรามักจะเลือกมันเป็นตัวเลือกแรกในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือ ในอดีตเบียร์ Stella Artois เคยเป็นลาเกอร์เบียร์ที่ถูกใช้ในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่ตอนนี้คุณสามารถดื่มด่ำกับมันได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งในรูปแบบขวด, กระป๋องและถัง
ประเพณีที่มีมากว่า 600 ปี
Stella Artois เป็นเบียร์ลาเกอร์หมักก้นหมักครั้งแรกในเมือง Leuven ของเบลเยียมในปี 1926 และประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกและการผลิตเชิงอุตสาหกรรมในช่วงทศวรรษที่ 1930 แหล่งกำเนิดของลาเกอร์เบียร์ Stella Artois นั้นสามารถย้อนกลับไปได้ถึงปี ค.ศ. 1366 เมื่อโรงเบียร์ Brouwerij Den Hoorn ถูกพบในเมือง Leuven ประเทศเบลเยียม
ในปี 1708, Sebastian Artois ได้กลายเป็นต้นแบบของผู้ผลิตเบียร์ที่นั่น และชื่อของเขาก็ถูกนำไปตั้งให้เข้ากับโรงเบียร์ มันจึงเปลี่ยนจาก Brouwerij Den Hoorn เป็น Brouwerij Artois (โรงเบียร์ Artois)
ต่อมาในปี 1926, ทางโรงเบียร์ได้ตัดสินใจทำการผลิตเบียร์พิเศษขึ้นสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ชื่อ “Stella” (หมายถึง ดาว ในภาษาละติน) ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงออกถึงความใสและสีเหลืองทองของมัน; และดาวยังเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ส่วนคำว่า “Artois” มาจากชื่อของเจ้าของโรงเบียร์
ในปี 1930 เบียร์ Stella Artois เริ่มส่งออกไปยังตลาดยุโรป
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การผลิตที่โรงเบียร์ Brouwerij Artois หยุดลง
ในปี 1960 มีการผลิต Stella Artois ประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี
ในปี 1976 Whitbread ได้รับใบอนุญาตจาก Brouwerij Artois เพื่อผลิต Stella Artios ในสหราชอาณาจักร
ในปี 1988 Brouwerij Artois ได้ควบรวมกิจการกับ Piedboeuf Brewery เพื่อก่อตั้ง Interbrew
ในปีเดียวกันนั้น นักออกแบบจากบริษัท Taylorbrands ได้สร้างการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ขวด และโลโก้ Stella Artois ตามปกติ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงการออกแบบครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 การออกแบบใหม่นี้มีพื้นฐานมาจากโลโก้ดั้งเดิมปี 1926
ในปี 1993 Interbrew ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Stella Artois ได้ย้ายการผลิตไปยังโรงเบียร์อัตโนมัติแห่งใหม่ในเมือง Leuven
ในปี 2004 ผ่านการควบรวมกิจการระหว่าง Interbrew บริษัทเบลเยียมและ AmBev ของบราซิล InBev ได้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของแบรนด์ Stella Artois ด้วย
ภายในปี 2006 การผลิต Stella Artois ประจำปีเกินหนึ่งพันล้านลิตร
ในเดือนกรกฎาคม 2008 มีการประกาศว่าโรงเบียร์เบลเยียม InBev ได้ตกลงกับผู้ถือหุ้นของ Anheuser-Busch เพื่อเข้าซื้อกิจการส่วนหลัง ส่งผลให้ AB InBev
ในปีเดียวกันนั้น เบียร์ Stella Artois ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 4% ได้เปิดตัวสู่ตลาดสหราชอาณาจักร
ในปี 2011 มีการเปิดตัวการผลิต Stella Artois Cidre
เนื่องจากการเปิดตัวเบียร์นี้ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก บริษัทจึงทำการผลิต Stella Artois ตลอดทั้งปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และในทุกวันนี้ Stella Artois มีวางจำหน่ายกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
ความใส, รสชาติที่สดชื่น และปริมาณแอลกอฮอล์สูง
รสชาติที่สดชื่นและความกลมกล่อมของ Stella Artois เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการดื่มด่ำในช่วงวันหยุดของคุณ หรือแม้กระทั่งในเวลาอาหารเย็นก็ตาม Stella Artois หมักด้วยส่วนผสมที่ดีที่สุดเพื่อการสร้างรสชาติที่มีความชัดเจน, มีความหวาน, มีรสของสมุนไพรซึ่งมีความเผ็ดเล็กน้อย, และมีความใสเป็นพิเศษ Stella Artois แบบดั้งเดิมมีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูงถึง 5.2% แต่ทุกวันนี้คุณสามารถหาแบบที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ต่ำกว่าได้ ตั้งแต่ 4% ถึง 5.2%
การเสิร์ฟ Stella Artois อย่างถูกวิธี
9 ขั้นตอนในการรินคือวิธีที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเสิร์ฟ Stella Artois ในแก้ว
ขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยการแช่แก้วในอ่างน้ำเย็น จากนั้นเปิดหัวฉีดและทิ้งเบียร์หยดแรก เพื่อให้แน่ใจว่ามันสดใหม่
จากนั้น ถือแก้วในมุม 45 องศา และรินเบียร์เบา ๆ เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเบียร์และฟอง
ทำต่อไปโดยการทำให้ฟองมีขนาดใหญ่ที่ด้านบน และตรวจสอบดูความสูงของฟองให้เหมาะสม (ประมาณ 3 ซม.) เป็นต้น คุณสามารถชมวิดีโอนี้ เพื่อดูว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเบียร์สดเตรียม Stella Artois อย่างไร
การจับคู่อาหารกับ Stella Artois
ความสดชื่นและรสชาติที่ขมปานกลางของ Stella Artois เหมาะกับอาหารจำนวนมากเบียร์ Stella Artois มีความหลากหลายมาก เพราะคุณสามารถดื่มเบียร์กับอาหารมื้อเบาต่าง ๆ เช่น ปลา, สลัด, และอาหารทะเล นอกจากนี้ คุณยังสามารถดื่ม Stella Artois หนึ่งขวดพร้อมอาหารมื้อหนักต่าง ๆ เช่น เนื้อแกะ, บาร์บีคิว ฯลฯ และรสชาติก็ยังคงกลมกล่อมมาก ๆ อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก
เรื่องไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับไวน์โรเซ่ที่คุณไม่รู้
โรเซ่ ไวน์สีชมพูสวยที่หลา
เซ็กต์ ไวน์ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง
เซ็กต์ ไวน์ (Sekt Wine) ค
Second Wine ทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณสัมผัสไวน์ท็อปเกรด
Second Wine แปลตรงตัวได้ว
Grape Stomping การย่ำเท้าลงบนองุ่น เพื่อทำไวน์
‘Grape Stomping’ หรือ Pig