IPA หรือ India Pale Ale เกิดจากเบียร์ Pale Ale ที่ได้รับความนิยมมากในยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคมและส่งเบียร์ไปเก็บที่อินเดียด้วยเรือแต่เบียร์เสีย จึงดัดแปลงเบียร์ให้มีปริมาณฮ็อปส์และยีสต์มากขึ้นเพื่อยืดอายุของเบียร์ ส่งผลให้เบียร์มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น และมีกลิ่นและรสของฮ็อปส์โดดเด่น
การเกิดขึ้นของ IPA
ในช่วงปลายทศวรรษ 1700 เบียร์เอลในอินเดียกลายเป็นเบียร์ยอดนิยมในหมู่พ่อค้าชาวอังกฤษ แต่ประวัติศาสตร์ของ IPA นั้นยากต่อการสืบเสาะเนื่องจากไม่มีใครเรียกมันว่าเช่นนั้น จนกระทั่งโฆษณาของออสเตรเลียเป็นรายการแรกสุดในปี 1829: “รัม บรั่นดี และเจนีวาในพันธบัตร เบียร์เอลซีดของเทย์เลอร์และอินเดียตะวันออก”
ในปี ค.ศ. 1600 บริษัทอินเดียตะวันออกได้รับพระราชทานกฎบัตรจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เพื่อเปิดเส้นทางการค้ากับอินเดียสำหรับฝ้าย เกลือ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ และผู้ค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในอินเดียเมื่อไม่ได้ซื้อและขายสินค้า เครื่องดื่มยุโรป เช่น เอลและไวน์มีราคาแพง หายาก และขนส่งยาก ผู้ผลิตเบียร์เริ่มทดลองด้วยวิธีการผลิตเบียร์ โดยตระหนักว่าอาหารหมักดองมากขึ้นจะทำให้มีแอลกอฮอล์มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยยืดอายุของเบียร์ไปพร้อมกับฮ็อปที่มากขึ้น ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสารกันบูดด้วย
George Hodgson จาก Bow Brewery เป็นหนึ่งในผู้เสนอและผู้ส่งออกเบียร์เอลที่มีแอลกอฮอล์สูง เมื่อ Pale Ale เริ่มได้รับส่วนแบ่งการตลาดจากสไตล์ที่เข้มกว่า เช่น คนเฝ้าประตู ซึ่งเป็นความหลากหลายที่โดดเด่นจนถึงกลางปี 1600 โรงเบียร์อื่น ๆ เช่น Bass Brewery (ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ ดำเนินการโดย Anheuser-Busch) เริ่มผลิตเบียร์เอลซีดที่มีการหมักอย่างหนักเพื่อการส่งออก
IPA 3 สไตล์
หากจะกล่าวว่าเบียร์ IPA มีต้นกำเนิดที่อังกฤษก็ไม่ได้ผิด แต่หากจะกล่าวว่ากำเนิดในอินเดียก็ไม่ได้ผิดเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นการจัดจำแนกสไตล์ของเบียร์ IPA เราจะใช้เบียร์ IPA เกิดใหม่ในทวีปอเมริกาในการจำแนก โดยการแบ่งเป็นฝั่งตะวันตก และ ฝั่งตะวันออก โดยจะแบ่งได้ 3 สไตล์ดังนี้
- English-style IPA
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีการขึ้นภาษีวัตถุดิบในการผลิตเบียร์ ดังนั้นเบียร์ IPA สไตล์อังกฤษจึงมีการลดวัตถุดิบสำคัญอย่างฮอปลงมาเล็กน้อย เพื่อให้เบียร์มีรสชาติกลมกล่อมและขมน้อยลง ความหวานของมอลต์จะแทรกเข้ามาในบางครั้ง
- West Coast IPA
เบียร์ IPA สไตล์นี้กำเนิดขึ้นบนชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ (ตั้งแต่เกาะบริเตนใหญ่, โคลัมเบีย ลงมาจนถึงแคลิฟอเนีย) IPA สไตล์นี้จะมีความหนักแน่นและรุนแรง ถึงจะมีการใช้มอลต์ที่น้อยกว่า แต่ใส่ฮอปแบบจัดเต็มมาก
- East Coast IPA
IPA ตัวนี้จะไม่เหมือนกับ IPA ของฝั่งตะวันตก จะไม่ขมเท่า แต่ก็มีความขมกว่า IPA สไตล์อังกฤษ เรียกได้ว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างสองรสชาติ สร้างขึ้นใน New England สีของเบียร์จะค่อนข้างซีด IPA สไตล์นี้จะให้รสชาติเหมือนกับผลไม้ ซึ่งหลายคนบอกว่าเบียร์ตัวนี้มีความ juicy มาก
เรื่องน่ารู้
เนื่องจากเบียร์ IPA เป็นเบียร์ที่มีการใช้ฮอปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากเราสังเกตบนฉลากของกระป๋องเบียร์ IPA เราจะเห็นผู้ผลิตระบุพันธุ์ของฮอปไว้อย่างชัดเจน ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เช่น Citra, Mosaic, Centennial, Chinook และ Cascade ซึ่งสิ่งนี้เองก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เบียร์ IPA กลับมามีชื่อเสียงเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อน เบียร์ IPA บางตัวจะเป็นเบียร์ Single-hopped ซึ่งหมายถึงการใส่ฮอปตัวเดียวลงไปในเบียร์นั้น แต่ถึงจะใส่ลงไปตัวเดียว รสชาติและกลิ่นที่ได้ก็มีความหลากหลายอยู่ไม่น้อย เบียร์เหล่านี้เป็นเบียร์ที่เราจะได้เรียนรู้รสชาติของฮอปสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งแบบเต็ม ๆ ซึ่งเป็นเบียร์ที่น่าหามาลองเป็นอย่างมาก เบียร์ IPA บางตัวจะใช้ฮอปแบบแห้ง และจะมีการเติมเพิ่มลงไปในช่วงท้ายของกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่เพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ เราเรียกกระบวนการแบบนี้ว่า “double dry-hopped”
ข้อมูลอ้างอิงจาก
เรื่องไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับไวน์โรเซ่ที่คุณไม่รู้
โรเซ่ ไวน์สีชมพูสวยที่หลา
เซ็กต์ ไวน์ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง
เซ็กต์ ไวน์ (Sekt Wine) ค
Second Wine ทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณสัมผัสไวน์ท็อปเกรด
Second Wine แปลตรงตัวได้ว
Grape Stomping การย่ำเท้าลงบนองุ่น เพื่อทำไวน์
‘Grape Stomping’ หรือ Pig