หากพูดถึง “นาฬิกา” แบรนด์ในดวงใจที่ทุกคนรู้จักก็คงต้องเป็น “Rolex” อย่างแน่นอน แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม Rolex ถึงมีชื่อเสียงขนาดนี้? ประวัติของ Rolex เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งการจินตนาการของ Hans Wilsdorf ผู้ก่อตั้งอย่างแยกไม่ออก
จุดเริ่มต้นของตำนานความแม่นยำ
เรื่องราวของ Rolex เริ่มต้นที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อ Hans Wilsdorf ในวัย 24 ปี และพี่เขยของเขา Alfred Davis ได้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกาของตัวเองขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Wilsdorf and Davis” เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง สวยงาม และใช้งานได้ดี ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของเรือนเวลา Rolex ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันนี้
Rolex ก่อตั้งขึ้นในปี คศ.1908 โดย ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf) ชาวเยอรมัน ซึ่งในตอนแรกใช้ชื่อบริษัทว่า วิลส์ดอร์ฟแอนด์เดวิส โดยที่เข้าหุ้นกับน้องเขยซึ่งในขณะนั้น การผลิตนาฬิกาแบบพก (Pocket Watch) ส่วนใหญ่ผลิตที่สวิสเซอร์แลนด์ยังประสบปัญหา ในการทำให้มีขนาดเล็กแต่เที่ยงตรงและแม่นยำเชื่อถือได้เพื่อนำมาใส่ในตัวเรือนนาฬิกาข้อมือ วิลส์ดอร์ฟ เป็นผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบในการพัฒนาเครื่องให้มีขนาดเล็กแต่เที่ยงตรงเพื่อนำมาใช้กับนาฬิกาข้อมือ ที่สามารถสื่อถึงสไตล์ แฟชั่น และรสนิยม ซึ่งในระยะแรกได้ให้ Aegler บริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในสวิสเป็นผู้ผลิตเครื่องให้ ในปี 1910 Rolex ได้ส่งนาฬิกาไปที่ School of Horology และได้รับรางวัลในฐานะนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกที่ได้ Chronometer Rating ความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้นี้เกิดจากการปฏิวัติรูปแบบใหม่ทำให้สามารถกันน้ำและฝุ่นเข้าตัวเรือนได้โดยการคิดระบบมะยมแบบเกลียว (Screw Crown) ขึ้น ซึ่งนาฬิกากันน้ำเรือนแรกนี้ถูกนำมาโฆษณาอย่างชาญฉลาดโดยทำเป็นอะควาเรียม คือโชว์หน้าร้านโดยมีนาฬิกาอยู่ในโลกใต้ทะเลอันเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติการกันน้ำได้อย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่ยังแคลงใจว่านาฬิกาจะกันน้ำได้จริงหรือไม่ นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงที่ทำให้โรเล็กซ์ดังไปทั่วโลก
ที่มาของชื่อ Rolex
หลังจากที่ทำงานด้วยความทุ่มเทมาตลอด 6 ปี ก็ถึงเวลาที่ Hans จะต้องตั้งชื่อแบรนด์สักที ในเช้าวันหนึ่งขณะที่เขานั่งรถม้าชมเมืองอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบในหูของเขาว่า “Rolex” จากนั้นเขาจึงตัดสินใจจดเครื่องหมายการค้า “Rolex” เพราะชื่อนี้ทำให้คนทั่วโลกอ่านออกเสียงได้อย่างง่ายดายและตรงกัน
จุดเริ่มต้นใหม่ของ Rolex
ในปี 1914 – 1918 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น ซึ่งก็ได้ส่งผลกับเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ Rolex จะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ แต่เนื่องจากนาฬิกาเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะใช้เงินและทองคำเป็นวัสดุหลัก ทำให้บริษัทโดนเก็บภาษีอย่างหนัก Hans จึงตัดสินใจออกจากประเทศอังกฤษในปี 1919 และย้ายไปอยู่ที่เมือง Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แทน และเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Rolex Watch Company และเปลี่ยนอีกครั้งในหลายปีถัดมา จนมาเป็น Rolex SA อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้
ยุคทองของ Rolex
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Rolex กลายเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก ก็หนีไม่พ้น Rolex Submariner เพราะในปี 1953 Rolex ได้เปิดตัวรุ่น Submariner นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกที่สามารถดำน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีนาฬิกาเรือนไหนที่สามารถกันน้ำลึกได้มากขนาดนี้มาก่อน ผ่านมาเพียง 2 ปี Rolex ก็ได้เปิดตัวนาฬิกา 2 ไทม์โซนออกมาครั้งแรก ต่อมา Rolex ก็ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวไปพร้อมกับโลกภายนอกได้ เนื่องจากมนุษย์สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ จึงมีความจำเป็นที่นักบินจะต้องรู้เวลา 2 โซน ทาง Rolex จึงได้ออกรุ่น GMT-Master ในปี 1955 จากนั้น 7 ปีถัดมา Rolex ก็ได้เปิดตัว Daytona ครั้งแรกในปี 1963 เพื่อเฉลิมฉลองการเป็นนาฬิกาจับเวลาอย่างเป็นทางการของสนามแข่งรถ Daytona International Speedway
Quartz Crisis
ในปี 1969 เป็นยุค Quartz Crisis ที่ทำเอาแบรนด์นาฬิกาหลายเจ้าล้มละลาย ทาง Rolex เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่พวกเขาก็ผ่านมาได้โดยการรวมพลังของฝ่ายผู้ผลิตถึง 16 ฝ่าย เพื่อสร้าง 21-Beta Quartz Movement แต่ทาง Rolex ก็ไม่ได้สานต่อนาฬิกา Quartz เพราะว่ามันเป็นนาฬิกาที่ไปคนละทางกับปรัชญาของแบรนด์
Rolex ในยุคปัจจุบัน
ในปี 2000 Rolex ก็สามารถผลิต In-house Movement และประกอบกลไกของตัวเองได้สำเร็จ ซึ่งเป็นกลไกที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วน 290 ชิ้น เป็นจำนวนที่น้อยลงจากของเดิมอย่างมาก แต่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มร้อย ต่อมาในปี 2007 Rolex ก็ได้เปิดYacht-Master II ซึ่งเป็นรุ่นที่มีนวัตกรรมล่าสุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นนาฬิกาเรือนแรกในโลกที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการนับถอยหลังแบบตั้งโปรแกรม คือเราสามารถตั้งจับเวลาถอยหลังได้ตั้งแต่ 1 – 10 วินาที เท่านั้นยังไม่พอ Rolex ได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยการออก Deepsea มาในปี 2008 นาฬิกาดำน้ำที่มาพร้อมระบบ Ringlock System ที่สามารถทนต่อแรงดันน้ำขนาด 3 ตันได้เป็นอย่างดี
กล่าวกันว่าสิ่งที่ทำให้ Rolex โดดเด่นเหนือนาฬิการะดับสูงอื่น ๆ คือ รูปทรงกลมขนาดใหญ่ของหน้าปัดและสายที่มีความกว้าง แต่สง่างามมองเห็นได้แต่ไกลซึ่งพิสูจน์ความเป็นอมตะไว้อย่างยาวนาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.auctionhouse.co.th